ทีมพญาเสือ ได้ดำเนินการจับกุม ขบวนการค้าซากสัตว์ป่าออนไลน์ ผ่านทางเฟซบุ๊ก เมื่อวานนี้ (16 ก.ย. 2564) โดยพบหลักฐาน-ของกลางเป็นจำนวนมาก เมื่อวานนี้ (16 ก.ย. 2564) – หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (หน่วยพญาเสือ) ขอรายงานการติดตามจับกุมขบวนการค้าซากสัตว์ป่าสงวนและซากสัตว์ป่าคุ้มครองทางสื่อออนไลน์ / ขบวนการค้าซากสัตว์ป่าออนไลน์ (เฟสบุ๊ก) รายใหญ่ และเป็นศูนย์รวมซากสัตว์ป่า เพื่อส่งขายทั่วประเทศ ตามนโยบาย/ข้อสั่งการของท่านที่ปรึกษา รมว.ทส. (ดร.ยุทธพล อังกินันทน์) และท่าน อธิบดี.อส.(นายธัญญา เนติธรรมกุล) รายละเอียด ดังนี้
วันที่ 16 กันยายน 2564 เวลา13.00 น. คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย
1. หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ)
2. เจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและช่วยเหลือแก้ปัญหาสัตว์ป่า ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษธานี)(ท้องที่ จังหวัดชุมพร)
ได้ร่วมกันวางแผนจับกุม การลักลอบค้าซากสัตว์ป่าออนไลน์ในเฟสบุ๊ก รายใหญ่ ของนายศิริชัย สว่างศรี มีพฤติกรรมโพสขายซากสัตว์ป่าสงวนและซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จนท.จึงดำเนินการติดต่อขอซื้อซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ซากหัวกระทิงพร้อมเขาทั้งสองข้าง) เพื่อทำการสืบสวนขยายผลให้รู้สถานที่เก็บซากสัตว์ป่า จนกระทั้งวันที่ 16 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น. นายศิริชัยฯ ได้นัดหมายกับสายลับเพื่อส่งมอบซากสัตว์ป่าคุ้มครองบริเวณสถานที่บ้านเลขที่ 307 หมู่ที่ 1 ตำบลปากตะโก อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร โดยนำซากสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวมาส่งให้สายลับ
เมื่อสายลับได้ตรวจสอบซากหัวกระทิงแล้วพบว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจริงตามที่เสนอขายจึ่งได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมทั้งขยายผลตรวจยึดของกลางเพิ่มเติม ณ ที่พักอาศัยของนายศิริชัยฯ จำนวน 4 รายการ ดังนี้
1. ซากเขากระทิงหรือเมย (Bos gaurus) – จำนวน 23 ชิ้น
2. ซากเขากวางป่า(Cervus unicolor) – จำนวน130 ชิ้น
3. ซากกรามช้าง (Elephas maximus) – จำนวน 12 ชิ้น
4. ซากเขาเลียงผาหรือเยืองหรือกูรำหรือโครำ (Capricornis sumatraensis) – จำนวน 3 ชิ้น
การกระทำของนายศิริชัยฯ เป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
1.ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่ง ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากสัตว์ป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามมาตรา 17 ประกอบมาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือ ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.ฐาน “ค้าซากสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ตามมาตรา 29 ประกอบมาตรา 89 วรรคหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้รวบรวมหลักฐานจัดทำบันทึกตรวจสอบ/ตรวจยึด/จับกุม นำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากตะโก จังหวัดชุมพร ตาม ปจว.ข้อ 1 เวลา 20.00 น. คดีอาญาที่ 102/2564, คดียึดทรัพย์ที่ 21/2564 วันที่ 16 กันยายน 2564 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ต่อไป
ฝุ่นตลบ ชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหาฆ่าปาดคอสาวโรงงานตอนทำแผน
คุมตัว ผู้ต้องหาฆ่าปาดคอสาวโรงงาน ทำแผน ชาวบ้านสุดทน ปรี่ รุมประชาทัณฑ์ วุ่น ฝุ่นตลบ ต้องยุติทำแผนคุมตัวกลับโรงพัก จากกรณีคนร้ายฆ่าปาดคอ น.ส.หยดน้ำ สิงห์ใจ อายุ 23 ปี เหตุเกิดคืนวันที่ 6 กันยายน ในพื้นที่ สภ.หนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แล้วชิงจยย.ของผู้ตาย หลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับกุมตัว ในพื้นที่พนัสนิคม จ.ชลบุรี และล่าสุดวันนี้ (17 ก.ย.64) เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ ได้มีการไลฟ์สด ตำรวจคุมตัวนายอุดร ผู้ต้องหาฆ่าปาดคอสาวโรงงาน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุ ที่จังหวัดระยอง
โดยช่วงระหว่างที่กำลังนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ กลุ่มชาวบ้านได้ฝ่าวงล้อมตำรวจ กระโดดถีบและรุมต่อยทำร้ายผู้ต้องหา จนฝุ่นตลบ ต้องยุติการทำแผนและควบคุมตัวกลับ สภ.หนองกรับ ทันที
ทั้งนี้ จากการสอบสวนในเบื้องต้น เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.64) ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า เป็นคนฆ่าผู้ตาย แต่คำให้การยังวกวน ทำให้ยังไม่ทราบว่า ทำไมจึงถอดเสื้อผู้ตาย หมายจะข่มขืนหรือไม่ และยอมรับว่า ไม่เคยรู้จักผู้ตายมาก่อน แต่ได้เห็นผู้ตายมาจอดรถ จึงมาเฝ้าผู้ตายอยู่สองวันที่จุดเกิดเหตุ และเสพยาบ้า 3 เม็ดก่อนลงมือ ซึ่ง จากการสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีสติดีไม่มีความผิดปกติทางจิต
เบื้องต้น ตั้ง 3 ข้อหาหนัก คือฆ่าผู้อื่น ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและปิดบังซ่อนเร้นศพ โดยเตรียมจะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในเวลา 10.00 น. วันที่ 17 กันยายน
จากการตรวจสอบประวัติทราบว่านายโอ (อดีตทหารเรือ) เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ช่วงปลายปี 63 ที่ผ่านมาร่วมกับ ตำรวจ สถ.เมืองพัทยา อุ้มนักท่องเที่ยวต่างชาติมาทุบ เรียกเงินหลายแสนโดยอ้างว่านักท่องเที่ยวต่างชาติค้ายาเสพติด ก่อนจะปล่อยนักท่องเที่ยวต่างชาติไป
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป